วิธีรักษากรดไหลย้อนขึ้นคอ! อาการแสบร้อนในคอ

โรคกรดไหลย้อนขึ้นมาที่คอและกล่องเสียง หรือที่นิยมเรียกกันสั้น ๆ ว่า โรค LPR หรือ โรคกรดไหลย้อนออกนอกหลอดอาหาร หรือ กรดไหลย้อนเงียบ เป็นการไหลย้อนของน้ำกรด-น้ำย่อยของกระเพาะอาหารซึ่งมีฤทธิ์ระคายเคืองไปที่กล่องเสียงและคอหอยโดยขึ้นไปกระทบกับทางเดินอาหาร-ลมหายใจส่วนบน เป็นสาเหตุของอาการต่าง ๆ เช่น ไอและหายใจเสียงหวีด โดยบ่อยครั้งสัมพันธ์กับปัญหาอื่น ๆ ที่ศีรษะและคอ เช่น ออกเสียงลำบาก เหมือนมีก้อนในลำคอ กลืนลำบาก


อาการที่ควรสังเกต ทางกล่องเสียง และหลอดลม เช่น เสียงแหบเรื้อรัง หรือ แหบเฉพาะตอนเช้า หรือมีเสียงผิดปกติไปจากเดิม , ไอเรื้อรัง โดยเฉพาะหลังรับประทานอาหารหรือขณะนอน , ไอ หรือ รู้สึกสำลักน้ำลาย หรือหายใจไม่ออกในเวลากลางคืน , กระแอมไอบ่อย , อาการหอบหืดที่เคยเป็นอยู่ (ถ้ามี) มีอาการแย่ลงหรือไม่ หรือไม่ดีขึ้นจากการใช้ยา , มีอาการเจ็บหน้าอกร่วม , เป็นโรคปอดอักเสบ เป็นๆ หายๆ

ความผิดปกติอื่น ๆ อาการทางจมูก และหู เช่น คัน จาม คัดจมูก น้ำมูกไหล หรือมีน้ำมูก หรือเสมหะไหลลงคอ , หูอื้อเป็นๆ หายๆ หรือปวดหู

คนส่วนใหญ่ที่เป็นโรคนี้จะทรมานอยู่กับโรคเพราะวินิจฉัยได้ยาก เนื่องจากอาการต่าง ๆ มีสมุฏฐานมากมาย นอกจากการตรวจสอบอาการแล้ว แพทย์อาจวินิจฉัยโรคด้วยการลองรักษาด้วยยา การส่องกล้อง และการวัดความเป็นกรดด่างของหลอดอาหาร แต่สิ่งที่พบด้วยวิธีการตรวจเหล่านี้ บ่อยครั้งไม่ชัดเจนพอให้กำหนดได้ว่า เป็นโรคนี้หรือเป็นโรคอื่น

การรักษาที่แนะนำก็คือ เปลี่ยนอาหาร และพฤติกรรมบวกการใช้ยาหรือสมุนไพรทางเลือก


การเปลี่ยนพฤติกรรมและอาหาร

การเปลี่ยนอาหารโดยการจำกัดการทานช็อกโกแลต กาเฟอีน อาหารและเครื่องดื่มที่มีกรดสูง (มีรสเปรี้ยว) น้ำอัดลม อาหารมันเช่นของทอด และซอสมะเขือเทศ พืชผักรวมกระเทียม หัวหอม สะระแหน่ อาหารย่อยยาก เนย ถั่ว ฟาสต์ฟู้ด เช่น พิซซ่า

การเปลี่ยนพฤติกรรมโดยการลดน้ำหนัก หยุดสูบบุหรี่ เลี่ยงดื่มสุรา และไม่ทานอาหารก่อนนอน การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้พบในงานศึกษาบางงานว่า มีผลต่อการรักษาด้วยยา



ทำไมต้องลดน้ำหนักถ้าหนักเกินหรือเป็นโรคอ้วน เนื่องจากภาวะน้ำหนักเกินจะทำให้ความดันในช่องท้องมากขึ้น ทำให้กรดไหลย้อนได้มากขึ้น หลีกเลี่ยงการสวมเสื้อผ้าที่คับเกินไป โดยเฉพาะบริเวณรอบเอว เพราะมันจะบีบกระเพาะแล้วดันกรดเข้าไปในหลอดอาหาร หลังอาหาร อย่านอนทันที โดยให้ตั้งตัวตรง 3 ชม. และเลี่ยงการนั่งเอนหรือนั่งหลังค่อม เวลานอน ควรหนุนหัวเตียงให้สูงขึ้นประมาณ 6 - 8 นิ้วจากพื้นราบ โดยใช้วัสดุรองขาเตียง เช่น ไม้ อิฐ (โดยให้นอนตะแคงซ้าย) พฤติกรรมอื่น ๆ ที่อาจได้ผลรวมทั้งเลี่ยงก้มต้วเป็นเวลานาน

วิธีบรรเทาอาการของโรคโดยเปลี่ยนการกิน ในแต่ละมื้อ ไม่ควรรับประทานอาหารมากเกินไป ทานแค่พออิ่ม (โดยเฉพาะมื้อเย็น) ควรรับประทานอาหารปริมาณทีละน้อย ๆ แต่บ่อยครั้ง แทนการทาน 3 มื้อปกติ ไม่ทานอาหาร 2-3 ชม. ก่อนนอน

การเปลี่ยนวิถีชีวิตของคนไข้ในเด็ก ให้หลีกเลี่ยงอาหารที่ทำให้กรดไหลย้อนเพิ่ม (เช่น ช็อกโกแลต อาหารรสเปรี้ยว อาหารเผ็ด) เปลี่ยนการวางอิริยาบถ (เช่น ให้นอนตะแคงข้างซ้าย) เปลี่ยนเนื้ออาหาร (เช่น ทำให้อาหารข้นขึ้น เพื่อเพิ่มการสำนึกการดำเนินของอาหาร) และไม่ทานอาหารก่อนนอน

การเปลี่ยนพฤติกรรม เพื่อรักษากรดไหลย้อน แนะนำให้ปรับเปลี่ยนนิสัย และการดำเนินชีวิตประจำวัน การรักษาวิธีนี้สำคัญมากเพราะทำให้ผู้ป่วยมีอาการน้อยลง ป้องกันไม่ให้เกิดอาการ และเพิ่มคุณภาพชีวิตของผู้ป่วย โดยลดปริมาณกรดในกระเพาะอาหาร และป้องกันไม่ให้กรดไหลย้อนกลับขึ้นไปในระบบทางเดินอาหารและทางเดินหายใจ ส่วนบนมากขึ้น ที่สำคัญการรักษาด้วยวิธีนี้ควรทำอย่างต่อเนื่อง แม้ผู้ป่วยจะมีอาการดีขึ้นหรือหายดีแล้วโดยไม่ต้องรับประทานยาแล้วก็ตาม

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

อาการ กรดไหลย้อน รักษาเบื้องต้น อย่างไร?

รักษากรดไหลย้อนด้วยวิธีธรรมชาติ กับ 7 สมุนไพรเด็ด!

โรคกรดไหลย้อน ห้ามกินอะไร?